144 สถิติ Digital Marketing ที่คุณต้องทึ่ง (2022)

  • 5 June 2022

คุณกำลังจะดูรายการสถิติ Digital Marketing 144 รายการ
ซึ่งแตกต่างกับรายการอื่นๆ สถิติทั้งหมดในนี้ เป็นปัจจุบัน
ในบทความนี้ คุณจะพบกับสื่อ Digital รูปแบบใหม่
และสถิติการตลาดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น:

สถิติเกี่ยวกับ SEO และ Google
Marketing Automation
PPC และการโฆษณาออนไลน์
ค้นหาด้วยเสียง
Affiliate marketing
การตลาดบนโซเชียลมีเดีย
มาดูสถิติกันเลย

สาระบัญ


สถิติเกี่ยวกับ SEO และ Google

อันดับผลการค้นหาใน Google

สถิติเกี่ยวกับ Digital Marketing ชุดแรกของเรานั้น เกี่ยวกับเรื่อง SEO คุณจะเห็นข้อมูลจากการศึกษาใน แบบสำรวจ… และแม้แต่สถิติบางส่วนจาก Google เอง

  1. ผลการค้นหาเฉลี่ยบนหน้าแรกของ Google มีความยาวเฉลี่ย 1,890 คำ (Backlinko)
ผลการค้นหาเฉลี่ยบนหน้าแรกของ Google มีความยาวเฉลี่ย 1,890 คำ
  1. หน้าที่โหลดเร็วมีอันดับสูงกว่าหน้าที่โหลดช้า (Backlinko)
  2. หน้าที่มีอัตราตีกลับต่ำมักจะมีอันดับ Google สูงกว่า (Backlinko)
  3. การศึกษาของ Ahrefs พบว่าภายในปีแรกของการเผยแพร่บทความ มีเพียง 5.7% ของหน้าเว็บเท่านั้น ที่จะติดอันดับในผลการค้นหา 10 อันดับแรก (Ahrefs)
  4. เกือบ 60% ของผลการค้นหา 10 อันดับแรกของ Google มีอายุ 3 ปีขึ้นไป (Ahrefs)
เกือบ 60% ของผลการค้นหา 10 อันดับแรกของ Google มีอายุ 3 ปีขึ้นไป
  1. ข้อความ anchor ที่ตรงกันทุกประการยังคงส่งผลต่อการจัดอันดับใน Google (Backlinko)

การค้นหาด้วยเสียง

การค้นหาด้วยเสียงกำลังเพิ่มขึ้น คำถามคือ SEO การค้นหาด้วยเสียงทำงานอย่างไร และนักการตลาดจะทำให้เนื้อหาของตนดีต่อการค้นหาด้วยเสียงได้อย่างไร การค้นพบนี้ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับคำถามนี้

  1. การวิเคราะห์ผลการค้นหาหน้าแรกของ Google 10,000 รายการของ Brian Dean (ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ระดับโลก) พบว่า 40.7% ของคำตอบในการค้นหาด้วยเสียงทั้งหมดดึงมาจาก Featured Snippet (Backlinko)
  2. 70.4% ของผลการค้นหาด้วยเสียงเป็นเว็บไซต์แบบ HTTPS (Backlinko)
สถิติการค้นหาด้วยเสียง
  1. คำที่ใช้ค้นหาด้วยเสียงโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 4.2 คำ แต่สำหรับการค้นหาแบบปกติจะอยู่ที่ 3.2 คำโดยเฉลี่ย (Bruce Clay)

การค้นหาใน Youtube

YouTube ไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์มวิดีโอยอดนิยม แต่ยังเป็นหนึ่งใน Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และสถิติที่น่าสนใจเหล่านี้จะช่วยให้คุณเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของอัลกอริธึมการค้นหาของ YouTube

  1. การวิเคราะห์ของ Brian Dean เกี่ยวกับวิดีโอ YouTube 1.3 ล้านรายการ พบว่าจำนวนคอมเม้น ยอดวิว จำนวนการแชร์ และจำนวนการกดไลค์ มีความสัมพันธ์อย่างมากกับอันดับ YouTube ที่สูงขึ้น (Backlinko)
  2. วิดีโอในหน้าแรกของผลการค้นหาบน YouTube มีความยาวเฉลี่ย 14 นาที 50 วินาที (Backlinko)
วิดีโอในหน้าแรกของผลการค้นหาบน YouTube มีความยาวเฉลี่ย 14 นาที 50 วินาที
  1. 68.2% ของวิดีโอในหน้าแรกของ YouTube เป็นแบบ HD (Backlinko)
68.2% ของวิดีโอในหน้าแรกของ YouTube เป็นแบบ HD
  1. วิดีโอ YouTube ที่สร้างโดย Youtube หน้าใหม่มักจะอยู่ในอันดับที่สูงขึ้น (Backlinko)

Backlinks

นี่คือหลักฐานที่ทำให้เรารู้ว่าความจริงแล้ว Backlinks ยังคงมีความสำคัญและเป็นรากฐานของอัลกอริทึมของ Google

  1. จากการศึกษาของ Backlinko พบว่าจำนวนโดเมนที่อ้างอิงจาก Backlinks ยังคงเป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์สูงสุดกับอันดับที่สูงของ Google (Backlinko)
  2. บทความที่ยาวได้รับ Backlink มากกว่าบทความสั้นโดยเฉลี่ย 77.2% (Backlinko)
  3. การศึกษาของ Ahrefs พบว่า 43.7% ของผลการค้นหา 10 อันดับแรกมีลิงค์เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน (Ahrefs)
สถิติเกี่ยวกับ Backlinks
  1. ผลการค้นหาอันดับ 1 ได้รับ Backlink มากกว่า 5%-14.5% จากเว็บไซต์ใหม่ในแต่ละเดือนเมื่อเทียบกับอันดับอื่นๆ ในผลการค้นหา (Ahrefs)

Local SEO

Local SEO หรือการทำ SEO แบบเฉพาะเจาะจงตามในท้องถิ่น พื้นที่หรือสถานที่ เป็นสิ่งที่แตกต่างจาก SEO ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง และหากคุณทำธุรกิจในท้องถิ่น (หรือมีลูกค้าเฉพาะบางพื้นที่) สถิติเหล่านี้จะช่วยตอกย้ำว่า SEO มีประโยชน์เพียงใด

  1. 46% ของคนที่ค้นหาข้อมูลทั้งหมด บน Google กำลังมองหาข้อมูลบางอย่างในท้องถิ่น (SEO Expert Brad)
  2. 76% ของคนที่ค้นหา ตกลงเป็นลูกค้าหรือซื้อสินค้าภายใน 1 วัน หลังจากค้นหาบางสิ่งที่อยู่ใกล้เคียงด้วยมือถือ (Google)
  3. 28% ของการค้นหาในท้องถิ่นส่งผลให้ผู้ค้นหาทำการซื้อมากขึ้น (Google)
สถิติเกี่ยวกับ Local SEO

SEO สำหรับมือถือ

เช่นเดียวกับธุรกิจออนไลน์อื่นๆ Mobile SEO หรือ SEO สำหรับมือถือ มีความสำคัญมากขึ้น สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการค้นหาบนมือถือมีมากเพียงใดในปี 2022

  1. 58% ของการค้นหา Google ทั้งหมด มาจากบนมือถือ (hitwise)
  2. 20% ของการค้นหาบนมือถือ เป็นการค้นหาด้วยเสียง (Search Engine Land)
  3. CTR แบบออร์แกนิกบนมือถือ นั้นน้อยกว่า CTR บนเดสก์ท็อป ประมาณ 50% (SparkToro)
สถิติเกี่ยวกับ SEO สำหรับมือถือ
  1. 30% ของการค้นหาทั้งหมดบนมือถือเกี่ยวข้องกับสถานที่ (Google)
  2. 87% ของคนที่มีโทรศัพท์มือถือ ใช้ Google ค้นหาข้อมูลทุกวัน (Go-Globe)
  3. 51% ของคนที่มีโทรศัพท์มือถือ พบผลิตภัณฑ์หรือบริษัทใหม่ เมื่อทำการค้นหาบนมือถือ (Google)
สถิติเกี่ยวกับ SEO สำหรับมือถือ

เทรนด์ของ Google

SEO มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คือเรื่องจริงแท้แน่นอน ดังนั้นนี่คือ สถิติที่ทำให้เห็นว่า SEO (และการค้นหาโดยทั่วไป) กำลังมุ่งเน้นไปในทิศทางใด

  1. จากข้อมูลของ Aherfs 12.3% ของข้อความค้นหามีตัวอย่างข้อมูล Feature Snippet (Ahrefs)
  2. มีการค้นหามากกว่า 3.5 พันล้านครั้งบน Google ในแต่ละวัน (Ardor SEO)
มีการค้นหามากกว่า 3.5 พันล้านครั้งบน Google ในแต่ละวัน
  1. 21% ของผู้ค้นหา คลิกผลการค้นหา 2 รายการขึ้นไป (Moz)
  2. ประมาณ 8% ของการค้นหาใช้วลีเป็นคำถาม (Moz)
  3. WordStream พบว่าความคุ้นเคยในแบรนด์ ช่วยเพิ่ม CTR ได้ 2-3 เท่า (WordStream)
  4. อันดับ 1 ถึง 3 ในผลการค้นหา มีค่า CTR 36% (Searchmetrics)
  5. 75% ของผู้ค้นหาไม่เคยไปถึงหน้า 2 ของผลการค้นหา (HubSpot)
สถิติเกี่ยวกับการค้นหาใน Google

สถิติเกี่ยวกับ PPC และการโฆษณาออนไลน์

ในส่วนนี้ เราจะพูดถึงสถิติ Digital Marketing ที่เกี่ยวกับ PPC โดยเน้นที่ Google Ads ดังนั้น หากคุณสงสัยว่ามีคนคลิก Google Ads กี่คน หรือเพราะเหตุใดจึงมีการคลิกโฆษณาบางรายการมากกว่าโฆษณาอื่นๆ คุณจะเข้าใจได้หากดูสถิตินี้

  1. โฆษณา Google โดยเฉลี่ยมี CTR 3.17% (WordStream)
  2. ราคาต่อหนึ่งคลิกโดยเฉลี่ยสำหรับโฆษณา Google คือ $2.69 (WordStream)
  3. อัตรา Conversion เฉลี่ยสำหรับโฆษณา Google คือ 3.75% (WordStream)
  4. ราคาต่อหนึ่งคลิกโดยเฉลี่ยสำหรับโฆษณาบน Bing คือ $1.54 (WordStream)
  5. จากข้อมูลของ Google ผู้โฆษณาจะได้รับผลตอบแทน $2 ต่อทุกๆ $1 ที่พวกเขาใช้จ่ายใน Google Ads (Google)
  6. CTR โดยเฉลี่ยในโฆษณาบนการค้นหาบนมือถือลดลง 45% จากโฆษณาในอันดับที่หนึ่ง เหลือเพียงโฆษณาในตำแหน่งที่สอง (WordStream)
  7. 33% ของผู้ค้นหาบอกว่า สาเหตุที่คลิกบนโฆษณา เพราะว่า มันตอบคำถามในใจได้โดยตรง (Clutch)
  8. 49% ของผู้คนคลิกโฆษณาบนการค้นหาแบบข้อความ และ 31% คลิกโฆษณาแบบรายการสินค้า และ 16% คลิกโฆษณาที่เป็นวิดีโอ (Clutch)
49% ของผู้คนคลิกโฆษณาบนการค้นหาแบบข้อความ และ 31% คลิกโฆษณาแบบรายการสินค้า และ 16% คลิกโฆษณาที่เป็นวิดีโอ
  1. 26% ของผู้คนบอกว่า ตนเองคลิกโฆษณาเพียงเพราะคุ้นเคยกับชื่อแบรนด์บนโฆษณา (Clutch)

สถิติการตลาดบนโซเชียลมีเดีย

มาดูสถิติโซเชียลมีเดียกัน แทนที่จะแสดงรายการสถิติ “ทั่วไป” เกี่ยวกับการตลาดบนโซเชียลมีเดีย แต่เราจะแยกย่อยตาม แพลตฟอร์ม ซึ่งคุณสามารถดูสถิติที่เน้นไปที่แพลตฟอร์มยอดนิยมบางแพลตฟอร์มได้

Facebook

ข้อมูลต่อไปนี้เป็นสถิติจำนวนหนึ่งเกี่ยวกับการใช้ Facebook ทั่วโลก

  1. ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 Facebook มีผู้ใช้งานมากกว่า 2.7 พันล้านคนต่อเดือน (Statista)
  2. ผู้ใช้ Facebook ใช้เวลาเฉลี่ย 38 นาทีต่อวันบนแอพมือถือ (TechJury)
ผู้ใช้ Facebook ใช้เวลาเฉลี่ย 38 นาทีต่อวันบนแอพมือถือ
  1. 73% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาใช้ Facebook (Pew Research)
  2. 10.74% ของผู้ใช้ Facebook ทั้งหมดอาศัยอยู่ในอินเดีย ซึ่งมากกว่าประเทศอื่นๆ สหรัฐอเมริกามาเป็นอันดับสอง (Sprout Social)
  3. 95.1% ของคนใช้งาน Facebook ทั้งหมดใช้งานบนมือถือ (TechJury)
95.1% ของคนใช้งาน Facebook ทั้งหมดใช้งานบนมือถือ

Instagram

ต่อไปนี้เป็นสถิติสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับผู้ใช้ Instagram

  1. Instagram มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน (Instagram)
Instagram มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน
  1. 37% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกานั้น ใช้งาน Instagram (Pew Research)
  2. 72% ของผู้ใช้บน Instagram ยอมรับว่า ได้ทำการซื้อสินค้าหลังจากเห็นบนแอพ (Business Insider)
  3. มีการแชร์รูปภาพและวิดีโอมากกว่า 100 ล้านรายการบน Instagram ในแต่ละวัน (Omnicore)

LinkedIn

นี่คือข้อมูลสถิติเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม B2B ยอดนิยมอย่าง LinkedIn

  1. มีผู้ใช้ LinkedIn มากกว่า 706 ล้านคนทั่วโลก (LinkedIn)
  2. 27% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ใช้ LinkedIn (Pew Research)
  3. 82% ของนักการตลาด B2B รายงานว่า LinkedIn เป็นช่องทางการตลาดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด (LinkedIn)
  4. 57% ของการเข้าชม LinkedIn ทั้งหมดมาจากมือถือ (LinkedIn)

Twitter

ตอนนี้ได้เวลาดูสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Twitter แล้ว

  1. Twitter มีผู้ใช้ 321 ล้านคนต่อเดือน (Washington Post)
Twitter มีผู้ใช้ 321 ล้านคนต่อเดือน
  1. นักการตลาด B2B ประมาณ 17.5% มากกว่านักการตลาด B2C ใช้ Twitter เพื่อทำการตลาดให้กับธุรกิจของตน (Statista)
  2. ทวีตที่มีรูปภาพ อินโฟกราฟิก วิดีโอ และเนื้อหาที่เป็นรูปภาพประเภทอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะถูกรีทวีตมากกว่า 94% (Buffer)
  3. มีการโพสต์มากกว่า 500 ล้านทวีตในแต่ละวัน (Twitter)
  4. 22% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาใช้ Twitter (Pew Research)

Pinterest

Pinterest เป็นโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ ที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า เหตุใดธุรกิจจำนวนมาก ควรพิจารณา Pinterest ในการทำการตลาด

  1. มีผู้ใช้ Pinterest มากกว่า 459 ล้านคน (Pinterest)
มีผู้ใช้ Pinterest มากกว่า 459 ล้านคน
  1. 85% ของผู้ใช้ Pinterest ใช้งานบนเว็บไซต์ด้วยมือถือ (Pinterest)
  2. ผู้ใช้ Pinterest โดยเฉลี่ยใช้เวลาอยู่ในบนแพลตฟอร์ม 14.2 นาที (Branex)
  3. 79.5% ของผู้ใช้ Pinterest ในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้หญิง (Statista)

Snapchat

มาดูสถิติที่น่าสนใจสุดๆ เกี่ยวกับแอพแชร์รูปภาพและวิดีโอ Snapchat

  1. มีผู้ใช้งาน Snapchat 249 ล้านคนต่อวัน (Statista)
  2. มีการสร้าง Snap ประมาณ 2.1 ล้านครั้งทุกนาที (Statista)
  3. ผู้ใช้ Snapchat ประมาณ 61% เป็นผู้หญิง (Statista)
  4. ผู้ใช้ Snapchat เฉลี่ยคือ 34.1 ข้อความต่อวัน (CNBC)
  5. ผู้ที่ใช้ Snapchat ใช้เวลาเฉลี่ย 34.5 นาทีต่อวันบนแพลตฟอร์ม (CNBC)

การโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย

สถิติเหล่านี้จะทำให้คุณรู้ว่า เหตุใดโฆษณาบนโซเชียลมีเดียจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว

  1. 53% ของบริษัทต่างๆ ใช้โฆษณาโซเชียล แบบชำระเงิน (Hootsuite)
  2. ธุรกิจกว่า 2 ล้านแห่งใช้แพลตฟอร์มโฆษณาของ Instagram (Instagram)
  3. 7 ล้านธุรกิจใช้แพลตฟอร์มโฆษณาของ Facebook (Facebook)
  4. ราคาต่อหนึ่งคลิกโดยเฉลี่ยสำหรับโฆษณาบน Facebook คือ $1.86 (Fit Small Business)
  5. การใช้จ่ายโฆษณาบนโซเชียลมีเดียทั่วโลก คาดว่าจะแตะเกือบ 99 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2020 (Statista)

สถิติ Email Marketing

แม้จะมี Facebook Messenger, Whatsapp และ อื่นๆ อีกก็ตาม แต่อีเมล์ยังคงเป็นช่องทางการขายอันดับ 1 สำหรับธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่ ทีนี้เราจะเจาะลึก ถึงสถิติการตลาดผ่านอีเมล์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งคุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน

ROI จากการตลาดผ่านอีเมล์

ROI ของอีเมล์เป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับ Facebook, Twitter และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ลองมาดูกัน

  1. สำหรับทุกๆ 1 ดอลลาร์ที่ใช้ไป การตลาดทางอีเมล์จะสร้างผลตอบแทน 44 ดอลลาร์ (Campaign Monitor)
  2. อีเมล์เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ในการได้มาซึ่งลูกค้า ซึ่งมากกว่า Facebook และ Twitter ถึง 40 เท่า (McKinsey)
อีเมล์เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ในการได้มาซึ่งลูกค้า ซึ่งมากกว่า Facebook และ Twitter ถึง 40 เท่า
  1. นักช้อปที่ได้รับอีเมล์ ใช้จ่ายมากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับข้อเสนอในอีเมล์ถึง 138% (Disruptive Advertising)
  2. การตลาดผ่านอีเมล์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแลลูกค้าเป้าหมาย 31% ของธุรกิจอ้างถึงจดหมายข่าว ว่าเป็นกลวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในด้านนี้ (Content Marketing Institute)
  3. 73% ของนักการตลาดให้คะแนน ROI ของอีเมล์ว่า “ดี” หรือ “ดีเยี่ยม” (SaleCycle)

อัตราการเปิดอีเมล์

อัตราการเปิด “ปกติ” คืออะไร? เหตุใดบุคคลในรายการติดต่อทางอีเมล์ของคุณจึงเปิดอีเมล์บางฉบับและไม่เปิดอีเมล์อื่น สถิติเหล่านี้มีคำตอบ

  1. การศึกษาของ Experian พบว่าการใส่อิโมจิในหัวเรื่องของอีเมล์เพิ่มอัตราการเปิดขึ้น 56% เมื่อเทียบกับหัวเรื่องที่เป็นข้อความเท่านั้น (Campaign Monitor)
  2. หัวเรื่องแบบส่วนตัวสร้างอัตราการเปิดเพิ่มขึ้น 26% (Campaign Monitor)
  3. ชื่อผู้ส่งส่วนบุคคล สามารถเพิ่มอัตราการเปิดได้ถึง 35% เมื่อเทียบกับที่อยู่อีเมล์ทั่วไปหรือชื่อบริษัท (Pinpointe)
  4. อีเมลที่ส่งในอเมริกาเหนือ มีอัตราการเปิดเฉลี่ย 19% (GetResponse)
  5. รัฐบาลเป็นภาคส่วนที่มีอัตราการเปิดอีเมลสูงสุด เฉลี่ย 28.77% (Mailchimp)

อีเมล์บนมือถือ

สถิติเหล่านี้ทำให้คุณเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น : ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เปิด (และมีส่วนร่วมกับ) อีเมล์บนโทรศัพท์และแท็บเล็ตของตน

  1. 49% ของอีเมล์ที่อ่านทั้งหมดเกิดขึ้นบนอุปกรณ์มือถือ (eMailmonday)
  2. ในเดือนกันยายน 2020 อีเมล์ทั้งหมด 36% ถูกอ่านบน iPhone และเป็นบัญชี Gmail 26% (Email Client Market Share)
  3. 23% ของผู้บริโภคที่เปิดอีเมล์โดยใช้อุปกรณ์มือถือ จะเปิดอีเมล์เดิมอีกครั้งในภายหลัง (Campaign Monitor)
  4. จากข้อมูลของ Google 75% ของผู้ใช้ Gmail เข้าถึงบัญชีของตนโดยใช้อุปกรณ์มือถือ (Tech Crunch)
  5. อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของการคลิกอีเมล์ทั้งหมดมีการลงทะเบียนบนมือถือ (Campaign Monitor)

การมีส่วนร่วมทางอีเมล

เมื่อมีคนเปิดอีเมล์ของคุณแล้ว คุณจะให้พวกเขาทำอะไร สำหรับคำตอบของคำถามนั้น มาดูผลลัพธ์จากการศึกษาและการสำรวจนี้กันเลย

  1. การเพิ่มปุ่มคำกระตุ้นการตัดสินใจในอีเมล์ของคุณแทนที่ลิงก์แบบข้อความธรรมดา สามารถเพิ่มการคลิกได้ 28% (Campaign Monitor)
  2. การใช้รูปภาพในแคมเปญอีเมล์ สามารถเพิ่มการคลิกได้ถึง 42% (Vero)
  3. อีเมล์ในอเมริกาเหนือมีอัตราการคลิกเพื่อเปิด เฉลี่ย 15.71% (GetResponse)
  4. อีเมล์ช่วยเพิ่มจำนวนคลิกโดยเฉลี่ย 6 เท่าจากทวีต (Campaign Monitor)

สถิติ Content Marketing

ตั้งแต่ SaaS ไปจนถึงอีคอมเมิร์ซ Content Marketing คือจุดเดือดในโลกของ Digital Marketing คำถามคือตอนนี้ Content Marketing ใหญ่แค่ไหน? และอะไรที่ทำให้บางบริษัทประสบความสำเร็จด้วยเนื้อหาในขณะที่บริษัทอื่นประสบปัญหา ในบทความนี้ได้รวบรวมรายการสถิติต่างๆ ที่คัดสรรมาเพื่อตอบคำถามนี้

Podcast

ดูเหมือนว่าคนจำนวนมากขึ้นจะมีพอดแคสต์แล้ว และนี่ก็เป็นสิ่งที่ดี : Podcast เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างบ้าคลั่ง

  1. 55% ของชาวอเมริกันเป็นผู้ฟังพอดแคสต์ (Statista)
  2. จำนวนพอดแคสต์ที่ใช้งานอยู่มีมากกว่า 1.5 ล้าน (Podcast Insights)
  3. 54% ของผู้ฟัง Podcast ในสหรัฐฯ ที่ฟังผ่านมือถือใช้ระบบ iOS ของ Apple (Music Oomph)
  4. สมาร์ทโฟนเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการรับเนื้อหาจาก Podcast (Edison Research)
  5. Podcast ดึงดูดผู้ฟังประมาณ 104 ล้านคนต่อเดือน (Edison Research)
  6. แนวตลกเป็นประเภท Podcast ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด รองลงมาคือ ข่าว และการศึกษา (Podcast Insights)

บล็อก

บล็อกยังคงเป็นช่องทางทำ Content Marketing ที่ยอดเยี่ยมพร้อมกับ ROI ที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน

  1. โพสต์บนบล็อกต่างๆ มีความยาวเฉลี่ย 1,269 คำ (Orbit Media)
  2. นักการตลาดเพียง 15% เท่านั้นที่จัดอันดับให้บล็อกเป็นสื่อชั้นนำใน Content Marketing นี่เป็นอันดับสองรองจากวิดีโอ (HubSpot)
  3. 77% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเข้าไปอ่านบล็อก (D. John Carlson)
77% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเข้าไปอ่านบล็อก
  1. มีการเผยแพร่บล็อกโพสต์ มากกว่า 4.4 ล้านรายการในแต่ละวัน (Tech Jury)
  2. 36% ของผู้คน ชอบหัวข้อที่มีตัวเลข (Conversion XL)
  3. 54.2% ของบล็อกเกอร์ที่เขียนเนื้อหาแบบยาว อ้างว่าเห็นผลลัพธ์ดีที่ (Orbit Media)
  4. ในการเขียนบทความลงบล็อกโดยเฉลี่ยใช้เวลาเขียน 3 ชั่วโมง 55 นาที (Orbit Media)
ในการเขียนบทความลงบล็อกโดยเฉลี่ยใช้เวลาเขียน 3 ชั่วโมง 55 นาที

การตลาดด้วยวิดีโอ

วิดีโอทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ถูกมนต์สะกดจริงหรือไม่? จากสถิติเหล่านี้ ต้องขอบอกว่า: “ใช่!”

  1. 40% ของบริษัทต่างๆ ระบุว่ารูปแบบเนื้อหาที่ให้ ROI สูงสุด คือ วิดีโอ (Animoto)
40% ของบริษัทต่างๆ ระบุว่ารูปแบบเนื้อหาที่ให้ ROI สูงสุด คือ วิดีโอ
  1. 86% ของผู้บริโภคกล่าวว่า ต้องการเนื้อหาวิดีโอเพิ่มเติมจากแบรนด์ที่ตนเองสนใจ (Wyzowl)
  2. นักการตลาดเกือบ 1 ใน 5 มีการใช้วิดีโอเป็นสื่อหลักในการทำการตลาด โดยจากนั้นก็เป็นบล็อก และอินโฟกราฟิก (HubSpot)
  3. ธุรกิจมากกว่า 90% ได้รับลูกค้าใหม่อย่างน้อยหนึ่งรายบนโซเชียลมีเดีย อันเป็นผลมาจากวิดีโอ (HubSpot)
  4. 87% ของนักการตลาดกล่าวว่าวิดีโอช่วยเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ของตน (Wyzowl)
  5. แพลตฟอร์ม 3 อันดับแรกที่นักการตลาดใช้ในการโพสต์วิดีโอ ได้แก่ YouTube, Facebook และ LinkedIn รองลงมาคือ Instagram ในอันดับที่ 4 (Wyzowl)
  6. สองในสามของผู้บริโภคกล่าวว่า วิดีโอสั้นเป็นสิ่งที่ตนเองอยากเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Wyzowl)
  7. 55% ของผู้คนดูเนื้อหาวิดีโอออนไลน์ทุกวัน (HighQ)
  8. มีการเข้าชมวิดีโอ YouTube 1 พันล้านชั่วโมงต่อวัน (YouTube)
มีการเข้าชมวิดีโอ YouTube 1 พันล้านชั่วโมงต่อวัน

สถิติ Marketing Automation

มาปิดท้ายส่วนนี้ด้วยสถิติบางส่วนเกี่ยวกับ Marketing Automation (การตลาดอัตโนมัติ) มาดูว่ามีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้าง

  1. 75% ของบริษัทใช้เครื่องมือ Marketing Automation อย่างน้อยหนึ่งอย่าง (Social Media Today)
  2. 61% ของนักการตลาดระบุว่าข้อกังวลหลักของตนเองเกี่ยวกับเครื่องมือ Marketing Automation คือการขาดการปรับเปลี่ยนในแบบของตัวเอง (Social Media Today)
  3. สำหรับ 91% ของนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ได้กล่าวว่า “Marketing Automation มีความ สำคัญมาก” (Marketo)
  4. ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการตลาดมากกว่า 7,000 อย่าง (chiefmartech)
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการตลาดมากกว่า 7,000 อย่าง
  1. บริษัทต่างๆ คาดว่าจะใช้จ่ายเงิน 25.1 พันล้านดอลลาร์ในด้านเทคโนโลยี Marketing Automation ภายในปี 2566 (Venture Harbour)
  2. บริษัทเกือบ 2 ใน 3 วางแผนที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านเครื่องมือ Marketing Automation ในปีนี้ (Invesp)
  3. อีเมล์แบบอัตโนมัติสร้างรายได้มากกว่าอีเมล์ที่ไม่เป็นแบบอัตโนมัติถึง 320% (Campaign Monitor)

สถิติ Affiliate marketing

โลกการตลาดแบบ Affiliate ในปัจจุบันนี้ แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ซึ่งตอนนี้การตลาดแบบ Affiliate ได้มีการพัฒนาและเติบโตเต็มที่ และต้องขอบคุณการระเบิดของ Influencer Marketing อย่างมาก จึงทำให้การตลาดแบบ Affiliate ยังคงเติบโต

  1. การใช้จ่ายด้าน Affiliate marketing ในสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะสูงถึง 8.2 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2022 (Statista)
  2. หมวดหมู่ Affiliate 3 อันดับแรก ได้แก่ แฟชั่น กีฬา/กลางแจ้ง และสุขภาพ/ความงาม (AM Navigator)
  3. Affiliate marketing คือกลยุทธ์ทางการตลาดอันดับ 2 ที่เจ้าของเว็บไซต์หรือบล็อกเกอร์ต่างๆ ใช้เพื่อสร้างรายได้ รองจาก Google AdSense (VigLink)
  4. นักการตลาด Affiliate กว่า 69% ใช้ SEO เพื่อเพิ่มการเข้าชม (Affstat)
  5. 59.32% ของ บริษัท ในเครือส่งเสริมผลิตภัณฑ์ B2C (Affstat)
  6. นักการตลาด Affiliate น้อยกว่า 10% สร้างรายได้มากกว่า $100,000 ในแต่ละปี (Affstat)
  7. นักการตลาด Affiliate ส่วนใหญ่ (42.17%) โปรโมตผลิตภัณฑ์ 1-10 รายการ (Affstat)
  8. นักการตลาด Affiliate มากกว่า 2 ใน 3 คน อาศัยอยู่ในอเมริกาเหนือ (Affstat)
  9. 40% ของเจ้าของสินค้าในสหรัฐอเมริกาอ้างว่า ระบบ Affiliate เป็นช่องทางการหาลูกค้าอันดับต้น ๆ (Inc.)

สถิติเกี่ยวกับการเพิ่ม Conversion Rate

สถิติ Digital Marketing ส่วนใหญ่ที่เราเคยดูมานั้น มุ่งเน้นที่การเพิ่มคนเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งมันก็ดีมาก แต่สุดท้ายแล้ว คุณอาจต้องการให้คนเข้าชมเหล่านั้นเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าของคุณ และหากคุณสนใจที่จะดูว่า CRO (Conversion Rate Optimization) สามารถช่วยได้มากน้อยเพียงใด ลองดูสถิติ เหล่านี้

  1. จากข้อมูลของ Venture Beat แบรนด์ที่ลงทุนในเครื่องมือ CRO จะเพิ่ม ROI เฉลี่ย 223% (Venture Beat)
  2. Outbrain พบว่าหัวข้อข่าวที่มีคำเชิงลบเช่น “ไม่เคย” หรือ “แย่ที่สุด” มีประสิทธิภาพดีกว่าหัวข้อข่าวที่มีคำเชิงบวกถึง 63% (Adweek)
  3. บริษัทที่ใช้หน้า Landing Page มากกว่า 10 หน้าจะได้รับประโยชน์จากโอกาสในการขายที่เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับบริษัทที่ใช้หน้า Landing Page 10 หรือน้อยกว่า (HubSpot)
  4. ในการศึกษาที่เผยแพร่โดย VWO การลบ เมนูหลัก ในหน้า Landing Page สามารถเพิ่ม Conversion ได้ถึง 100% (VWO)
  5. 58% ของบริษัทต่างๆ กำลังทำการทดสอบ A/B Testing เพื่อปรับปรุง Conversion Rate (Econsultancy)
  6. Conversion Rate เฉลี่ยในหน้า Landing Page ในทุกธุรกิจคือ 9.70% (UnBounce)
  7. การใช้วิดีโอบนหน้า Landing Page สามารถเพิ่ม Conversion Rate ได้ถึง 80% (depositphotos)
การใช้วิดีโอบนหน้า Landing Page สามารถเพิ่ม Conversion Rate ได้ถึง 80%
  1. Conversion Rate เฉลี่ยในการสมัครอีเมล์คือ 1.95% (Sumo)
  2. Conversion Rate ของนักช็อปออนไลน์ในสหรัฐอเมริกาบนเดสก์ท็อปคือ 4.14% และ 3.36% บนแท็บเล็ต และ 1.53% บนมือถือ (Statista)
  3. บริษัทต่างๆ ใช้จ่ายเฉลี่ย $2,000 ต่อเดือนกับเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ Conversion Rate (Venture Beat)
  4. HubSpot พบว่าการปรับแต่งคำกระตุ้นการตัดสินใจถือว่าเป็นส่วนช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้ถึง 202% (HubSpot)
  5. หน้าเว็บโหลดช้า 1 วินาทีสามารถลด Conversion Rate ได้ 7% (Neil Patel)
หน้าเว็บโหลดช้า 1 วินาทีสามารถลด Conversion Rate ได้ 7%
  1. อีเมล์ที่มีคำกระตุ้นการตัดสินใจเพียงครั้งเดียวสามารถเพิ่มการคลิกได้ถึง 371% (WordStream)

บทสรุปสำหรับสถิติ

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือ รายการสถิติเกี่ยวกับ Digital Marketing ที่สำคัญ ครอบคลุมหลากหลายด้านในการตลาด Digital Marketing ซึ่งคุณสามารถนำไปพัฒนาหรือปรับปรุงการตลาดสำหรับธุรกิจคุณได้

และหากคุณมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสถิติใด ๆ ที่คุณต้องการให้เพิ่มลงในรายการนี้ โปรดบอกมาได้ในคอมเม้นได้เลย

No Comments

Leave a Comment